เมนู

[347] ยังไม่ถึงเดือนภิกษุอาบน้ำ ต้องอาบัติ 2 คือกำลังอาบ
เป็นทุกกฏในประโยค 1 อาบแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ 1.
[348] ภิกษุไม่ถือเอาวัตถุทำให้เสียสี 3 อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง
ใช้จีวรใหม่ ต้องอาบัติ 2 คือ กำลังใช้ เป็นทุกกฏในประโยค 1 ใช้แล้ว
ต้องอาบัติปาจิตตีย์ 1.
[349] ภิกษุวิกัปจีวรเอง แก่ภิกษุก็ดี แก่ภิกษุณีก็ดี แก่สิกขมานา
ก็ดี แก่สามเณรก็ดี แก่สามเณรีก็ดี ไม่ให้เขาถอนก่อน ใช้ ต้องอาบัติ 2
คือกำลังใช้ เป็นทุกกฏในประโยค 1 ใช้แล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ 1.
[350] ภิกษุซ่อนบาตรก็ดี จีวรก็ดี ผ้าปูนั่งก็ดี กล่องเข็มก็ดี
ประคดเอวก็ดี ของภิกษุ ต้องอาบัติ 2 คือ กำลังซ่อน เป็นทุกกฏในประ-
โยค 1 ซ่อนแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ 1.
สุราเมรยวรรค ที่ 6 จบ

สัปปาณกวรรค ที่ 7


[351] ถามว่า ภิกษุแกล้งฆ่าสัตว์ให้ตาย ต้องอาบัติเท่าไร.
ตอบว่า ภิกษุแกล้งฆ่าสัตว์ให้ตาย ต้องอาบัติ 4 คือ ขุดบ่อไม้
เจาะจงว่า ผู้ใดผู้หนึ่งจักตกตาย ต้องอาบัติทุกกฏ 1 มนุษย์ตกลงในบ่อนั้นตาย
ต้องอาบัติปาราชิก 1 ยักษ์ก็ดี เปรตก็ดี ดิรัจฉานซึ่งมีร่างกายดุจมนุษย์ก็ดี
ตกลงในบ่อนั้นตาย ต้องอาบัติถุลลัจจัย 1 ดิรัจฉานตกลงในบ่อนั้นตาย ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ 1.
ภิกษุแกล้งฆ่าสัตว์ให้ตาย ต้องอาบัติ 4 เหล่านี้.
[352] ภิกษุรู้อยู่ บริโภคน้ำมีตัวสัตว์ ต้องอาบัติ 2 คือ กำลัง
บริโภค เป็นทุกกฏในประโยค 1 บริโภคแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ 1.

[353] ภิกษุรู้อยู่ ฟื้นอธิกรณ์ที่ทำเสร็จแล้วตามธรรม เพื่อทำอีก
ต้องอาบัติ 2 คือ กำลังฟื้น เป็นทุกกฏในประโยค 1 ฟื้นแล้ว ต้องอาบัติ
ปาจิตตีย์ 1.
[354] ภิกษุรู้อยู่ ปิดอาบัติชั่วหยาบของภิกษุ ต้องอาบัติ 1 คือ
ปาจิตตีย์.
[355] ภิกษุรู้อยู่ ให้บุคคลมีอายุหย่อน 20 ปีอุปสมบท ต้องอาบัติ
2 คือ กำลังให้อุปสมบท เป็นทุกกฏในประโยค 1 ให้อุปสมบทแล้ว ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ 1.
[356] ภิกษุรู้อยู่ชักชวนแล้ว เดินทางไกลสายเดียวกันกับพวกพ่อค้า
ผู้เป็นโจร ต้องอาบัติ 2 คือ กำลังเดินทาง เป็นทุกกฏในประโยค 1 เดินทาง
แล้วต้องอาบัติปาจิตตีย์ 1.
[357] ภิกษุชักชวนแล้ว เดินทางไกลสายเดียวกันกับมาตุคามต้อง
อาบัติ 2 คือ กำลังเดินทาง เป็นทุกกฏในประโยค 1 เดินทางแล้ว ต้องอาบัติ
ปาจิตตีย์ 1.
[358] ภิกษุไม่สละทิฏฐิอันชั่วช้า เมื่อสวดสมนุภาสน์จบหนที่ 3
ต้องอาบัติ 2 คือ จบญัตติ เป็นทุกกฏ จบกรรมวาจา ต้องอาบัติปาจิตตีย์ 1.
[359] ภิกษุรู้อยู่ กินร่วมกับภิกษุผู้กล่าวอย่างนั้น มีธรรมอันสมควร
ยังไม่ได้ทำ ยังไม่ได้สละทิฏฐินั้น ต้องอาบัติ 2 คือกำลังกินร่วม เป็นทุกกฏใน
ประโยค 1 กินร่วมแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ 1.
[360] ภิกษุรู้อยู่ เกลี้ยกล่อมสมณุทเทส ผู้ถูกสงฆ์นาสนะแล้วอย่าง
นั้น ต้องอาบัติ 2 คือ กำลังเกลี้ยกล่อม เป็นทุกกฏในประโยค 1 เกลี้ยกล่อม
แล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ 1.
สัปปาณกวรรค ที่ 7 จบ

สหธรรมิกวรรค ที่ 8


[361] ภิกษุอันภิกษุทั้งหลายว่ากล่าวอยู่โดยชอบธรรม กล่าวว่า แน่ะ
เธอ ฉันจักยังไม่ศึกษาในสิกขาบทนี้ จนกว่าจะได้ถามภิกษุอื่นผู้ฉลาด ผู้ทรง
วินัย ต้องอาบัติ 2 คือ กำลังพูด เป็นทุกกฏในประโยค 1 พูดแล้ว ต้องอาบัติ
ปาจิตตีย์ 1.
[362] ภิกษุก่นวินัย ต้องอาบัติ 2 คือ กำลังก่น เป็นทุกกฏใน
ประโยค 1 ก่นแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ 1.
[363] ภิกษุแสร้งทำหลง ต้องอาบัติ 2 คือ เมื่อความหลงอันภิกษุ
ทั้งหลายยังไม่ยกขึ้นประกาศ ทำหลง ต้องอาบัติทุกกฏ 1 เมื่อความหลงอันภิกษุ
ทั้งหลายยกขึ้นประกาศแล้ว ทำหลง ต้องอาบัติปาจิตตีย์ 1.
[364] ภิกษุโกรธ ขัดใจ ให้ประหารแก่ภิกษุ ต้องอาบัติ 2 คือ
กำลังประหาร เป็นทุกกฏในประโยค 1 ประหารแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ 1.
[365] ภิกษุโกรธ ขัดใจ เงื้อหอกคือฝ่ามือแก่ภิกษุ ต้องอาบัติ 2
คือ กำลังเงื้อ เป็นทุกกฏในประโยค 1 เงื้อแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ 1.
[366] ภิกษุกำจัดภิกษุด้วยอาบัติสังฆาทิเสสหามูลมิได้ ต้องอาบัติ 2
คือ กำลังกำจัด เป็นทุกกฏในประโยค 1 กำจัดแล้วต้องอาบัติปาจิตตีย์ 1.
[367] ภิกษุแกล้งก่อความรำคาญแก่ภิกษุ ต้องอาบัติ 2 คือ กำลัง
ก่อ เป็นทุกกฏในประโยค 1 ก่อแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ 1.
[368] เมื่อภิกษุทั้งหลายเกิดบาดหมางกัน เกิดทะเลาะกัน ถึงการ
วิวาทกัน ภิกษุยืนแอบฟัง ต้องอาบัติ 2 คือ เดินไปด้วยตั้งใจว่าจักฟัง ต้อง
อาบัติทุกกฏ 1 ยืนที่ใดได้ยิน ต้องอาบัติปาจิตตีย์ 1.